วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562
ต้นมะรุม
ชื่อวิทยาศาสตร์: Moringa oleifera Lam. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Guilandina moringa L., Hyperanthera moringa (L.) Vahl, Moringa zeylanica Burmann)
ชื่อสามัญ: Moringa
ชื่อวงศ์: MORINGACEAE
มีชื่อท้องถิ่นอื่น: บะค้อนก้อม (ภาคเหนือ), ผักอีฮุม บักฮุ้ม (ภาคอีสาน) เป็นต้น
มะรุม จัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทยซึ่งเป็นพืชผักสมุนไพรโดยมีต้นกำเนิดในแถบทวีปเอเชีย อย่างประเทศอินเดียและศรีลังกา โดยเป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ปลูกง่ายในเขตร้อน ทนแล้ง สามารถรับประทานได้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นฝัก ใบ ดอก เมล็ด ราก เป็นต้น แต่ถ้านำมาใช้เป็นยาสมุนไพรนั้นจะใช้เกือบทุกส่วนของต้นมะรุมรวมทั้งเปลือกด้วย
มะรุม อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุรวมหลายชนิด ซึ่งจุดเด่นของมะรุมก็คือจะมีวิตามินเอ ซี แคลเซียม โพแทสเซียม และธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงมาก นอกจากนี้มะรุมยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคได้หลายชนิด แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรจะมองว่ามะรุมเป็นยามหัศจรรย์ที่ใช้ในการรักษาโรค แต่ควรจะมองมันเป็นผักพื้นบ้านที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเสียมากกว่า เพราะการศึกษาหลายอย่าง ๆ ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย
มะรุม กับความจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือ มะรุมไม่ได้ปลอดภัยไปเสียทีเดียว เพราะในตัวของมะรุมเองนั้นก็มีพิษเหมือนกัน เนื่องจากมะรุมเป็นพืชในเขตร้อน สำหรับหญิงตั้งครรภ์หากรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไปก็อาจจะทำให้แท้งบุตรได้ และยังรวมไปถึงผู้ป้วยโรคเลือดก็ไม่ควรรับประทานมะรุมเช่นกัน เพราะจะทำให้เม็ดเลือดแตกง่าย นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ก็ไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะมะรุมมีโปรตีนที่ค่อนข้างสูงมาก แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ความว่ามันจะไม่ปลอดภัย เพราะคนไทยนิยมนำมาประกอบอาหารมานานมากแล้ว ซึ่งสำหรับผู้ที่คิดจะดูแลสุขภาพด้วยการหันไปซื้อมะรุมสกัดแคปซูลมารับประทานนั้น ก็ควรจะต้องระมัดระวังและควรเลือกซื้อมะรุมแคปซูลที่มีอย.ด้วย
มะรุม ในส่วนของใบมะรุมควรรับประทานใบสด ๆ ที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป และไม่ควรถูกความร้อนนานเกินไป เพื่อให้ได้ประโยชน์ของสารอาหารอย่างเต็มที่ ซึ่งการใช้ใบมาประกอบอาหารสิ่งที่ต้องระวังก็คือ ไม่ควรให้เด็กทารกในวัยเจริญเติบโตถึง 2 ขวบรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะใบมะรุมมีธาตุเหล็กสูง หรือเด็กที่อายุ 3-4 ขวบควรรับประทานแต่เพียงเล็กน้อย และไม่ว่าจะวัยไหนก็ตามไม่ควรรับประทานในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ท้องเสียได้ (ไม่ได้เกิดกับทุกคน) ควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย
ประโยชน์ของมะรุม
1. สรรพคุณของมะรุมช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม ไม่ให้หยาบกร้าน
2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยในการชะลอวัย (น้ำมันมะรุม)
3. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
4. ช่วยรักษาโรคขาดสารอาหารในเด็กแรกเกิดถึงอายุ 10 ขวบ
5. ช่วยลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกาย (ฝัก)
6. มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็ง (ใบ, ดอก, ฝัก, เมล็ด, เปลือกของลำต้น)
7. ช่วยรักษาโรคมะเร็งในกระดูก
8. ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้อาการแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้น
9. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย
10. ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
11. มะรุมลดความดัน รักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบ, ฝัก)
12. ใช้รักษาโรคหัวใจ (ราก)
13. มะรุมลดน้ำตาล ช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยรักษาความสมดุลของระดับน้ำตาล
14. ใช้รักษาโรคหอบหืด (Asthma) (ยาง)
15. ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ (medthai.com : 2019)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ต้นตะลิงปลิง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Averrhoa bilimbi L. ชื่อสามัญ: Bilimbi, Bilimbing, Cucumber tree, Tree sorrel ชื่อวงศ์: จัดอยู่ในวงศ์กระทืบยอด (OX...

-
ชื่อวิทยาศาสตร์: Dracaena fragrans (L.) Ker-GawI. ชื่อสามัญ: Cape of Good Hope, Dracaena ชื่ออื่น: ประเดหวี มังกรหยก (กรุงเทพฯ) วงศ...
-
ชื่อวิทยาศาสตร์: Cyrtostachys renda Blume ชื่อสามัญ: Sealing-wax palm, Lipstick palm, Raja palm, Maharajah palm ชื่อวงศ์: Palmae ชื...
-
ชื่อวิทยาศาสตร์: Zamioculcas zamiifolia (Lodd.) Engl. ชื่อสามัญ: Zanzibar Gem ชื่อวงศ์: ARACEAE ชื่ออื่น: – ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น